04 August 2025
เป็นนักธุรกิจ ที่หลายคนอาจจะมองว่า ก็เป็นนักธุรกิจธรรมดา คนหนึ่ง เท่านั้น ทว่า สำหรับ “บางกอกทูเดย์” นักธุรกิจท่านนี้ มีความแตกต่างไปจากนักธุรกิจหลายๆ ท่าน โดยเฉพาะ มุมมอง และแนวคิด ในการดำเนินธุรกิจ ที่มีความเฉียบคม ตลอดจนวิธีการมองตลาดที่ไม่รีบร้อน แต่จะมองอย่างรอบคอบ และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ความท้าทาย กับบทพิสูจน์ความสามารถ
ชัยวัฒน์ นันทิรุจิ ประธานรกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (Eka Global) ก้าวออกมาจาก “บริษัทแป้งมันสำปะหลัง” ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว แล้วมาเริ่มต้นสร้างธุรกิจของตัวเอง ในชื่อ “บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด” (Eka Global) ผู้ผลิตนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) ของไทย ที่วันนี้ มีโรงงาน อยู่ในประเทศไทย และ ประเทศอินเดีย ที่ใช้เม็ดเงินลงทุนในช่วงแรก ไปมากถึง 300-400 ล้านบาท
ช่วงแรกของการทำธุรกิจใช่ว่า จะสามารถทำยอดขาย และ สร้างการเติบโตได้ทันที เขาต้องเจอกับภาวะการขาดทุน กว่า 100 ล้านบาท เนื่องจากต้องใช้เวลาในการรอคำสั่งชื้อจากลูกค้านานถึง 2 ปี ทว่า นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่จะหยุดความตั้งใจของคุณชัยวัฒน์ ได้ เขาพยายามปรับวิธีการดำเนินธุรกิจ จนดึงยอดขายเข้ามาได้ในระยะเวลาเพียง 5 ปี สร้างการเติบโตให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาจนกระทั่งทุกวันนี้ เอกา โกลบอล ตั้งมา 20 ปี
บุกตลาดอินเดีย
ซีอีโอ เอกา โกลบอล เปิดเผยว่า ปัจจุบัน บริษัทซึ่งเป๋น ผู้นำตลาดนวัตกรรม บรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) ที่เป็นบรรจุภัณฑ์ชนิดพลาสติกขึ้นรูป (Rigid Barrier Plastic Packaging) รายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย รวมถึง เป็นบริษัทคนไทยที่สามารถสร้างแบรนด์จนติด Top 5 ของโลก โดยมีฐานลูกค้าทั่วโลก อาทิ อเมริกา ยุโรป และทั่วภูมิภาคเอเชีย ฯลฯ “วันนี้ เรามีกำลังการผลิตรวมมากกว่า 2,850 ล้านชิ้น ต่อปี จาก โรงงานผลิตของเรา 2 โรงงาน โดยโรงงานหลัก จะอยู่ในประเทศไทย และ โรงงานแห่งใหม่ล่าสุด จะอยู่ที่เมือง ปูเน่ (PUNE) ประเทศอินเดีย ขณะที่ฐานลูกค้าเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาหาร และขนมหวานในประเทศอินเดียของเรามีมากกว่า 300 – 400 ราย และมีคำสั่งซื้อสูงเฉลี่ยมากกว่า 1 หมื่นชิ้นต่อเดือน”
“จากรายงานประจำปี เมื่อเดือนมีนาคม ปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ยอดขายของเราโตไปแล้วกว่า 49% ซึ่งเหตุผลที่ทำให้ยอดขายเติบโตอย่างรวดเร็ว ก็เป็นเพราะว่า ตลาดอินเดีย เป็นตลาดโลคัลแบบ 100% เพราะตลาดอินเดีย กลุ่มลูกค้าในประเทศของเขามีคนเยอะอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นตลาดส่งออกสินค้าแต่อย่างไร ดังนั้น การเติบโตของธุรกิจเราที่อินเดีย จึงขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจของอินเดีย เป็นหลัก” ซีอีโอ บอกด้วยว่า ภาพรวมของตลาดอินเดีย เรียกว่า เติบโตทุกปี